ฟิล์มกรองแสงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวงการรถยนต์มาอย่างยาวนาน แรกเริ่มการติดฟิล์มรถยนต์หรืออาคาร ก็เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ทำให้มองไม่เห็นข้างในได้อย่างชัดเจน วงการฟิล์มก็ได้มีการคิดค้นพัฒนาฟิล์มให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยปัจจัยด้านความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ประกอบกับประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จึงต้องการฟิล์มกรองแสงที่ทำได้มากกว่าแค่ความเป็นส่วนตัว จึงมีการพัฒนาใส่สารและวัสดุชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติ เช่น กันความร้อน, เพิ่มความเคลียร์ชัด , ลดแสงสะท้อน เป็นต้น เพื่อให้ได้ฟิล์มตามที่ลูกค้าต้องการ Maxxma อยากจึงมาแนะนำความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง โดยเรียกอีกอย่างว่า “ฟิล์มกรองแสง 101”

ฟิล์มกรองแสงคืออะไร ?

ฟิล์มกรองแสง (ชื่อภาษาอังกฤษ = Window Film,  Window Tint) คือ ฟิล์มกรองแสง เป็นวัสดุที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในการควบคุมพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ ผลิตจากพลาสติกชนิดหนึ่ง ซึ่งทำจากแผ่นโพลีเอสเตอร์ต่างๆ (PVDG, Tedlar Foils Metallized Film, Acetate, PET, Polyolefins and Poly-carbonates) โดยใช้เทคโนโลยีในการเคลือบชั้นฟิล์มต่างกันเช่น สี, โลหะ, กาว, สารกันรอยขีดข่วน, สารดูดซับรังสี UV (UV absorbed) ซึ่งแผ่นโพลีเอสเตอร์เป็นวัสดุที่เหมาะต่อการผลิตฟิล์มกรองแสง เนื่องจากมีความเหนียว ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ดูดซับความชื้นน้อย และสามารถทนอุณหภูมิได้ทั้งสูงและต่ำ จนทำให้สามารถลดแสงและความร้อนได้ แต่ยังคงความโปร่งใส (Transparency) ทำให้สามารถมองเห็นภายนอกได้

ประโยชน์ของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงคุณภาพมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงที่เป็นคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง อย่างเช่น

• ประหยัดพลังงาน ช่วยลดความร้อน และกันความร้อน จากภายนอกอาคาร ทำให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นไม่ต้อง ทำงานหนัก ช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า และยังมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย
• ป้องกันโรคร้าย ช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ได้ถึง 99% ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวหนังคล้ำ เหี่ยวย่น ก่อให้เกิด ฝ้า กระจุดด่างดำ รวมไปถึงมะเร็งโรคผิวหนังและโรคต้อในตา
• ปลอดฝุ่น ปลอดเชื้อโรค การสะสมของฝุ่นละอองและเชื้อโรคบนผิวฟิล์ม เมื่อเทียบกับผ้าม่านแล้ว ถือว่าน้อยกว่ามาก การติดฟิล์มแทนการใช้ผ้าม่านจึงเหมาะกับห้องที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น ห้องของผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้
• ไม่บดบังทัศนียภาพ เพิ่มความสวยงาม ข้อแตกต่างที่เด่นชัดของการใช้ฟิล์มกรองแสงประหยัดพลังงานในเวลากลางวัน แทนการใช้ผ้าม่านคือ ฟิล์มจะช่วยป้องกันความร้อน  โดยยอมให้แสงผ่านเข้ามาได้ รวมทั้งยังไม่บดบังทัศนียภาพภายนอก  ฟิล์มกรองแสง MAXXMA มีให้เลือกหลากหลายสี ใช้ติดตั้งเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับ ภายในและภายนอกอาคาร และยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยในเวลากลางวันได้อีกด้วย
• ลดอันตรายจากอุบัติเหตุ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนกระจกแตกร้าว ฟิล์มกรองแสง MAXXMA จะช่วยยึดเกาะเศษกระจกที่แตกไว้ด้วยกัน ไม่ให้ร่วงหล่นมาบาดโดนส่วนต่างๆ ของร่างกาย และทำอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย
• รักษาทรัพย์สิน  ที่พักอาศัย บ้าน คอนโด และอาคารที่โดนแสงแดดอยู่เป็นประจำ ความร้อนและรังสี UV จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เฟอร์นิเจอร์หนังแห้งกรอบและขาดง่าย อาหารเสียเร็วขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ฟิล์ม MAXXMA ช่วยป้องกันความร้อนและรังสี UV จึงช่วยยืดอายุ การใช้งานของอุปกรณ์และทรัพย์สินภายในที่พักอาศัยและอาคารให้นานขึ้น

โครงสร้างของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film)

เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นต่ำโดยจะนำสีมาย้อมที่กาวโพลีเอสเตอร์ มีคุณสมบัติ ในการกรองแสงไดแต่สามารถลดความร้อนได้น้อย กาวที่ใช้ไม่มีคุณภาพราคาถูก อายุการใช้งานสั้นไม่เกิน 3 ปีเมื่อเสื่อมสภาพ สีจะจางลง 

เป็นฟิล์มที่มีคุณสมบัติในการลดแสงสว่าง ที่ผ่านเข้ามาทางกระจกเท่านั้น แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติในการลดความร้อนหรือหากมีก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อมีการใช้งานไปสักระยะ ฟิล์มจะเกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง ซึ่งให้ทัศนวิสัยในการขับขี่รถยนต์ที่ผิดเพี้ยน เป็นอันตราย แต่หากฟิล์มกรองแสงทั่วไปผลิตมาจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูงจะมีคุณสมบัติในการลดรังสีอุลตร้าไวโอเลตด้วย

ฟิล์มเคลือบละอองโลหะ (Metallized Film)

เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยการนำเอาอนุภาคของโลหะมาเคลือบไว้บนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้สามารถสะท้อนพลังงานความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถลดความร้อน ได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสีมาก อายุการใช้งานนานกว่าประมาณ 5 – 7 ปี กาวและโพลีเอสเตอร์มีคุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า

เป็นฟิล์มที่มีคุณสมบัติในการลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาทางกระจกได้ดีกว่าแบบแรก โดยอาศัยคุณสมบัติของไอโลหะที่เคลือบบนฟิล์มในการกรองความร้อน และสะท้อนความร้อนซึ่งมีผลให้ความร้อนผ่านเข้ามาทางกระจกได้น้อยลง สีของฟิล์มที่ได้จะแตกต่างไปตามประเภทของไอโลหะที่นำมาเคลือบรวมทั้งยังสามารถย้อมสีของฟิล์มเพื่อให้ฟิล์มมีสีต่างๆ ได้

ฟิล์มเคลือบอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Film)

ใช้การเหนี่ยวนำของประจุไฟฟ้าในสุญญากาศให้อนุภาคโลหะไปเกาะติดบนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความคงทนมาก ลดความร้อนได้มากพอกันกับที่ 2 ประมาณ 50 – 70% ฟิล์มประเภทนี้เหมาะสมกับการใช้ติดตั้งกระจกอาคารมากที่สุด มีราคาค่อนข้างสูง

ฟิล์มกรองแสงนาโน (Nana-Super IR Window Films)

การประยุกต์ใช้การผลิตฟิล์มกรองแสงด้วยการใช้ Nano Materials ที่มาขนาด 1 ในพันล้านส่วน (1นาโนเมตร = 10 ม.) นำเข้ากระบวนการผลิตร่วมกับแผ่น P.E.T. ชนิดใสพิเศษจนได้แผ่นฟิล์ม ที่สามารถกันคลื่นความร้อน และรังสียูวีได้เกือบ 100% โดยไม่ต้องมีสีหรือโลหะเป็นส่วนประกอบ อายุการใช้งานเกิน 10 ปี

ฟิล์มนิรภัย (Safety & Security Window Films)

เป็นฟิล์มที่ใช้คุณสมบัติและเทคโนโลยีเช่นเดียวกันฟิล์มกรองแสงประเภทอื่น ๆ สิ่งที่เพิ่มเติมคือการเพิ่มความหนาของแผ่นโพลีแอสเตอร์ ส่วนการจะเพิ่มความหนาของชั้น Polyester และกาวจะมากเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงในการรับแรงกระแทกมากเป็นพิเศษเท่าที่ต้องการ อายุการใช้งานประมาณ 7-10 ปี

สเปกตรัมของแสง (Spectrum of light) มี 2 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 เรียกว่าสเปกตรัมแบบต่อเนื่อง เป็นสเปกตรัมที่ประกอบด้วยแถบสีที่มีความถี่ต่อเนื่องกันไปอย่างกลมกลืนกัน เช่น สเปกตรัมของแสงอาทิตย์ 

แบบที่ 2  สเปกตรัมไม่ต่อเนื่อง ลักษณะของสเปกตรัมจะเป็นเส้นหรือแถบสีเล็กๆ ที่ไม่เกิดต่อเนื่องกัน แต่จะมรการเว้นช่วงของความถี่ที่เส้นสเปกตรัมเกิด เช่น สเปกตรัมธาตุไฮโดรเจน เป็นต้น 

คราวนี้มาดูกันด้วยเรื่องแสงแดด ที่ให้ทั้งคุณและโทษ แสงแดดจะมีลักษณะแสงสีขาว เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งคนเราสามารถมองเห็นได้ ส่วนคลื่นที่มีความถี่สูงกว่า จะเป็นรังอัลตราไวโอเลต (UV) และรังสีอินฟราเรด ในแสงสีขาว ยังประกอบด้วยคลื่นความถี่ย่อย ๆ ซึ่งเรียกว่า Spectrum ของแสง ดังรูป 

1. ลำแสงที่มองเห็น หรือ Visible Light เรียกโดยย่อว่า VL มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 400 – 700 เมตร 
ในสเปกตรัม มีลำแสงที่มองเห็นได้คิดเป็น 44% ของลำแสงทั้งหมด

2. ลำแสงที่มองไม่เห็น หรือ Invisivle Light เรียกโดยย่อว่า IL แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ แสงอุลตร้าไวโอเลต และแสงอินฟราเรด  

• แสงอุลตร้าไวโอเลต มีความยาวคลื่น 100 – 400 นาโนเมตร คิดเป็น 3% ของลำแสงทั้งหมด 
• แสงอินฟราเรด มีความยาวคลื่น 700 – 2400 นาโนเมตร คิดเป็น 53% ของลำแสงทั้งหมด

แหล่งความร้อน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ (Solar light) กับความร้อน (Heat) ไม่ใช้ตัวเดียวกัน หากแต่มีความสัมพันธ์กัน  ความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนและเคลื่อนที่ของอะตอมหรือโมเลกุลในสสาร (สสารไม่ว่าจะเป็นของแข็ง ของเหลว และก็าซ จะมีส่วนประกอบคือ อะตอมที่รวมตัวเป็นโมเลกุล) เมื่ออะตอมหรือโมเลกุลมีการเคลื่อนจะด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะก่อให้เกิดพลังงาน ที่เรียกว่า “ความร้อน” นั่นเอง

ความร้อนที่เกิดจากแสงอาทิตย์ (Solar Energy Heat) กับความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง (Combustion Energy Heat) จะมีความแตกต่างในส่วนประกอบคลื่นรังสีความร้อน ดังนี้

จากกราฟ จะเห็นได้ว่าพลังงานจากแสงอาทิตย์ (Solar Energy) จะมีสัดส่วนของแสงสว่างที่ตามองเห็นได้ ที่ความยาวคลื่น 400-700 (nm) ราว 44% ในขณะที่แหล่งแสงจากเชื้อเพลิง (Fire) มีสัดส่วน 5% แต่มีรังสี IR ที่สัดส่วน 53% และ 90% ตามลำดับเป็นต้น สำหรับรังสี UV ในแสงแดดจะมีสัดส่วน 3% ขณะที่จากแหล่งเชื้อเพลิงไม่มีเลย

เมื่อแสงแดดที่ตกกระทบกระจกรถยนต์ แสงแดดและแสงที่เรียกว่า “อินฟราเรด” จะทะลุเข้าไปในรถยนต์ ซึ่งเมื่อภายในรถหากไม่ได้มีวัสดุสะท้อนแสง ทำให้เวลามีแสงมากระทบ จะทำให้วัสดุอุปกรณ์ภายในรถมีอุณหภูมิสูงขึ้น รังสีความร้อนจะแผ่ออกมา ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก ซึ่งส่งผลให้รถบริภาคน้ำมันมากยิ่งขึ้น จึงเป็นลูกโซ่ที่ทำให้คุณต้องจ่ายเงินมากยิ่งขึ้น

กาวสะท้อนคุณภาพฟิล์ม

ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของกาวด้วย กาวที่ดีต้องมีความบางใส และเหนียว เมื่อติดแล้วต้องทนทานต่อสภาวะความร้อนเย็นของกระจกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับกระจกได้ดีไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ พอง ลอก ล่อน เป็นฟองอากาศ อีกทั้งกาวที่ดีควรมีคุณสมบัติที่ติดแน่นกับเนื้อฟิล์ม เมื่อต้องการลอกฟิล์มออกมา กาวควรอยู่บนด้านฟิล์มมิใช่ด้านกระจก รวมทั้งกาวจะต้องไม่เปลี่ยนสี ซึ่งก่อให้เกิดการ เปลี่ยนสีของฟิล์มที่ติด ที่เรียกว่าฟิล์มเป็นสนิม

การลดพลังงานความร้อน

การพิจารณาประสิทธิภาพในการลคความร้อนต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของพลังงานแสงอาทิตย์ก่อนว่า พลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบด้วยรังสี 3 ชนิดคือ

1. รังสีอินฟราเรด (IR) 53%
2. รังสีอุลตร้าไวโอเลต (UV) 3%
3. แสงสว่าง (แสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า Visible Light) 44%

จะเห็นได้ว่า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากแสงอาทิตย์ เกิดจากรังสีอินฟราเรดและแสงสว่างรวมกัน มิได้เกิดจากรังสีเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง ดังนั้น ฟิล์มที่ลดพลังงานจากรังสีอินฟราเรดได้สูง จึงมิได้หมายความว่าฟิล์มตัวนั้นจะลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้สูง เพราะรังสีอินฟราเรดเป็นเพียงส่วนประกอบ (ประมาณ 50%) ส่วนหนึ่งของพลังงานของแสงอาทิตย์เท่านั้น ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่รู้สึกได้จากความร้อน ฉะนั้นแล้วฟิล์มที่กันความร้อนที่ดี ต้องสามารถป้องกันได้ทั้ง 2 ส่วน นั่นก็คือค่าการลดความร้อนรวมจากแสงอาทิตย์ (TSER: Total Solar Energy Rejected) จะได้ค่าที่ถูกต้องที่สุด

หากนำฟิล์มกรองแสงมาทดสอบค่าการลดปริมาณความร้อนจากแสงสปอร์ตไลท์ หรือแสงจากรังสีอินฟiาเรด จะให้ค่าสูงกว่าจากแสงอาทิตย์ เพราะแสงสปอร์ตไลท์รวมทั้งแสงจากหลอดรังสีอินฟาเรด มีปริมาณรังสีอินฟiาเรดสูงกว่าในแสงอาทิตย์มาก โดยทั่วไปฟิล์มที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจะป้องกันรังสีอินฟราเรดได้มากกว่า 90% อยู่แล้ว

ส่วนการทดสอบการลดปริมาณความร้อน (ซึ่งมีค่า % ลดรังสีอินฟราเรดรวมกับค่า % การลดความร้อนจากแสงสว่าง) ควรวัดจากแสงแดดโดยตรงจะได้ผลที่ถูกต้องกว่าการวัดปริมาณความร้อนจากไฟสปอร์ตไลท์ เนื่องจากแหล่งกำเนิดความร้อนทั้งสอง มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สรุปว่า

ฟิล์มกรองแสงมีมากมายหลายประเภท ทั้งวัสดุที่ใช้ รวมถึงกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าฟิล์มกรองแสงชนิดไหนเหมาะสมกับเรา Maxxma มีเช็คลิสต์เบื้องต้นไว้ตรวจสอบดังนี้

1. เรามีความต้องการแบบไหน เช่น ต้องการฟิล์มกันความร้อนสูง, ต้องการฟิล์มมืดนอกสว่างใน, ต้องการฟิล์มเพิ่มความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
2. งบประมาณเพื่อจะที่ได้เลือกฟิล์มที่ตอบโจทย์ตามงบที่ตั้งไว้

แหล่งอ้างอิง

https://www.climatepro.com/window-film/

เลือกซื้อฟิล์มกรองแสง ชุดติดแบบ DIY kit
แถมฟรีอุปกรณ์ติดฟิล์ม พร้อมวีดิโอแนะนำการติดแบบจับมือทำ 

Maxxma Shop on NOCNOC
ฝากกดติดตามร้าน เพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ

ตะกร้าสินค้า