ไอเดียแต่งบ้านด้วยกระจกใส

เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่าจะมีไอเดียแบบไหนที่ตรงใจคุณและสามารถไปปรับใช้กับพื้นที่ต่างๆ ในบ้านได้บ้าง

1. ใช้ประตูกระจก แทนบานประตู หน้าต่างแบบธรรมดา 

ช่วยทำให้บ้านดูดีมีสไตล์ที่โดดเด่นขึ้นทันที สามารถใช้ได้ในส่วนของห้องที่ไม่จำเป็นต้องปิดเป็นส่วนตัวมากนัก ไม่ว่าจะเป็น ห้องรับแขก หรือห้องครัว เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบที่สวยงามได้หลากหลาย เป็นการเพิ่มความโอ่อ่าหรูหรา เพิ่มความมีสไตล์ให้กับบ้านของคุณได้อย่างง่ายดาย

2. แต่งห้องโถงสูงด้วยผนังกระจกทรงสูง 

ห้องโถงถือเป็นจุดที่มีความกว้างที่สุดของบ้านแทบทุกหลัง บางบ้านอาจมีไว้เพื่อนั่งพักผ่อนหรือใช้ในการรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน โถงมักจะเป็นห้องที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของบ้านนั่นเอง การติดผนังกระจกทรงสูง ช่วยให้ภายในบ้านดูกว้างขวางมากขึ้น

3. เพิ่มแสงธรรมชาติให้ห้องนั่งเล่นด้วยผนังกระจก 

ห้องนั่งเล่นคือจุดพักผ่อนของสมาชิกทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งพูดคุย ดูโทรทัศน์ แม้แต่อ่านหนังหรือทำกิจกรรมต่างๆ การติดกระจกห้องนั่งเล่น จะช่วยเพิ่มความโปร่ง และความสว่างให้บ้านได้อย่างลงตัว พร้อมที่จะทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่

4. เปลี่ยนหลังคาบ้านแบบเดิมๆ มาเป็นหลังคากระจก (sky light) 

ไม่ว่าจะเป็นโซนหน้าบ้านและหลังบ้าน ห้องครัวที่ต่อเติมเพิ่ม ส่วนใหญ่มักนิยมติดหลังคากระจกในพื้นที่ที่ค่อนข้างต้องการความสว่างเฉพาะจุด หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่นที่สามารถนอนชมท้องฟ้า ดวงดาวในยามค่ำคืนได้แบบชิลๆ ได้อรรถรสในการรับบรรยากาศยามราตรีแบบฟินๆ กันไปเลย

5. ตกแต่งรอบๆ ตัวบ้านด้วยผนังกระจก 

เปลี่ยนผนังทึบตันเป็นกระจกใสแทน สามารถมองออกไปชมวิวรอบบ้านได้อย่างเพลิดเพลิน  การออกแบบบ้านและห้องแบบนี้ ต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวบ้าน และแน่ใจได้ว่ายังคงความเป็นส่วนตัวเอาไว้ ตรงนี้ โดยส่วนมากแล้วควรติดฟิล์มกรองแสงและผ้าม่านอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด แถมยังช่วยประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย  หากทำได้ครบตามไอเดียนี้ ก็ได้บ้านที่มีสไตล์เพอเฟกซ์และโมเดินสุดๆ

แต่งบ้านด้วยกระจกใสนั้นเป็นไอเดียที่เจ๋งมาก แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้คือ…

1. แตก 

ข้อเสียอย่างหนึ่งของกระจกคือสามารถแตกได้ และเมื่อแตกแล้วอาจเกิดอันตรายกับผู้อยู่อาศัย กระจกส่วนใหญ่จึงมีคุณสมบัติหลักๆ คือต้องมีความแข็งแรงไม่แตกง่าย และต้องมีความปลอดภัย คือเมื่อแตกแล้วไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยส่วนใหญ่สาเหตุการแตกของกระจก ส่วนหนึ่งเป็นเกิดจากส่วนผสมในกระจกตอนผลิต เช่น สารนิกเกิลซัลไฟด์ในกระจกเทมเปอร์ เมื่อเนื้อกระจกโดนความร้อนสารดังกล่าวก็จะขยายตัวขึ้น และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นมากๆ ก็ทำให้กระจกสามารถแตกเองได้

2. ร้อน 

นอกจากนั้น ปัญหาจากความร้อนของแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตัวบ้าน โดยเฉพาะในประเทศไทยเราแล้ว ยิ่งเห็นชัดเจนว่าเป็นประเด็นที่ทำให้ไม่ค่อยอยากตกแต่งบ้านด้วยกระจกกันเท่าไหร่ ทั้งที่อยากให้บ้านสวยโดดเด่นก็ตาม

หากจำเป็นต้องติดตั้งกระจกในทิศทางที่รับแสงโดยตรง ซึ่งเป็นช่องรับความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านในปริมาณมาก วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้คือหาอะไรมาบังแดดให้กับหน้าผนังกระจกนั่นเอง  ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีชายคาที่ยื่นยาว ติดตั้งอุปกรณ์บังแดดให้กับหน้าต่าง การปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา หรือติดฟิล์มกรองแสงก็ช่วยได้เป็นอย่างดี

3. ขาดความเป็นส่วนตัว 

ถึงแม้การแต่งบ้านด้วยการติดกระจก Reflective  ที่ทำให้เราขาดความเป็นส่วนตัว เพราะนอกจากแสงที่ส่องเข้ามาแล้ว สายตาคนอื่นก็สามารถมองผ่านเข้าภายในบ้านได้ด้วย

4. อุบัติเหตุเกิดจากกระจก

กิจกรรมต่างๆของสมาชิกในบ้าน เช่น เด็กแสนซน หรือสัตว์เลี้ยง  ไม่เว้นแม้แต่กิจกรรมของคนนอกบ้านที่เผลอๆ อาจมาโดนกับกระจกของเรา ทำให้กระจกนั้นแตกได้

นอกจากนี้อาจมีปัจจัย ทางด้านภัยจากธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลมพายุแรง ลูกเห็บ หากติดกระจกในทิศทางที่รับลมโดยตรงและกระจกไม่ทนแรงกระแทกพอ กระจกอาจแตกจนเป็นอันตรายแก่คนในบ้านได้

5. เฟอร์นิเจอร์ซีดเร็ว

แสงที่ส่องผ่านกระจกเข้ามามีทั้งรังสี UVA/UVB/IR ซึ่งสามารถทำให้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งในบ้านของเรามีสีซีดลง หนังเทียมแห้งกรอบ หนังแท้แห้งกร้าน ผ้าเปราะ สารพัดปัญหาเหล่านั้น ล้วนมาจากแสงแดด ยิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างและประตูกระจกยิ่งซีดเร็วกว่าเวลาที่ควร

ทางออกอีกวิธีหนึ่ง ที่แก้ปัญหาของกระจกดังกล่าวได้คือ การติดฟิล์ม 

ฟิล์มอาคารคือผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้บ่อยทั้งในโครงการอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ รวมถึงเรือด้วย ความต้องการฟิล์มอาคารสำหรับติดกระจกนั้นยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการเชิงพาณิชย์ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ เนื่องจากมีความสำคัญและประโยชน์อันมากมายของฟิล์มอาคาร ด้วยเหตุผลและเวลาที่ควรติดฟิล์มกระจกในบ้านนั้น  เพราะ…

1. กันความร้อน

ฟิล์มกรองแสงที่ติดกระจกจะสามารถกันรังสีอินฟราเรด เรียกว่า IR ซึ่งเป็นค่าความร้อนที่มาพร้อมแสงแดด ยิ่งกัน IR ได้มาก ความร้อนก็ผ่านกระจกได้น้อย ทำให้ไม่มีอุณหภูมิสะสมภายในบ้าน จึงสามารถลดความร้อนได้ ซึ่งในฟิล์มบางรุ่นสามารถกัน IR ได้ถึง 99% 

2. ประหยัดพลังงาน

จากในอดีตที่ฟิล์มกรองแสงมีแค่สีและเน้นกรองแสงเป็นหลัก ยังได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนมาเป็นฟิล์มอาคารที่มีส่วนผสมของสสารซึ่งช่วยป้องกันรังสีอันตรายและลดความร้อนได้สูง ดังนั้นคำว่า “ฟิล์มกรองแสง” จึงเป็นคำนิยามที่ดูจะล้าสมัยไปแล้ว เมื่อเทียบกับความสามารถของฟิล์มในปัจจุบัน ฟิล์มที่ลดอินฟราเรด ลดความร้อนได้สูง จึงช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทั้งในรถยนต์และบ้าน ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และประหยัดค่าไฟฟ้า ทำให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นไม่ต้อง ทำงานหนัก ช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า และยังมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย

“ฟิล์มประหยัดพลังงาน” จึงเป็นคำนิยามใหม่ที่เหมาะสมกับฟิล์มกรองแสงติดกระจก ดังนั้น ไม่เพียงแค่เราได้ความเย็นสบายจากความร้อนที่ลดลง และปลอดภัยจากรังสีอันตรายเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วยการช่วยกันประหยัดพลังงานให้แก่โลกใบนี้อีกด้วย

ปัจจุบันมีเบอร์ 5 สำหรับฟิล์มกรองแสงที่ประหยัดพลังงาน รับรองโดยกระทรวงพลังงานด้วยนะ ดูรายละเอียดได้ที่ https://maxxmafilm.com/no5-guarantee/

3. สวยงาม

เปลี่ยนกระจกใส เป็นเงาท้องฟ้า และเพิ่มสีสันอีกกับโทนสีเขียวที่เลือกได้ เป็นข้อแตกต่างที่เด่นชัดของการใช้ฟิล์มกรองแสงประหยัดพลังงานในเวลากลางวัน แทนการใช้ผ้าม่านคือ ฟิล์มจะช่วยป้องกันความร้อน  โดยยอมให้แสงผ่านเข้ามาได้ รวมทั้งยังไม่บดบังทัศนียภาพภายนอก การติดฟิล์มกรองแสงกับกระจกไม่เพียงแค่เพิ่มความสวยงามให้กับภายในและภายนอกบ้านแล้ว ยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยในเวลากลางวันได้อีกด้วย

4. ป้องกันการโจรกรรม

ความแข็งแรงของกระจกที่ติดฟิล์มแล้วนั้น สามารถขัดขวางการบุกรุกจากโจรและผู้ทำลายทรัพย์สินได้ เพราะพังได้ยากกว่าปกติแม้ในกรณีที่กระจกแตก โจรหรือผู้ทำลายทรัพย์สินก็ยังคงต้องจัดการกับส่วนวัสดุคั่นกลางของกระจกกับฟิล์มที่เหลืออยู่

นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงนิรภัยยังช่วยป้องกันการโจรกรรม ที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านของคุณ โดยความหนาของฟิล์มกรองแสงนิรภัย จะมีคุณสมบัติช่วยชะลอการแตกร้าวที่เกิดจากการทุบกระจก ช่วยยืดเวลาในการก่อเหตุ ไปจนถึงการป้องกันอย่าง 100% ในกรณีของร้านทอง ที่โจรต้องอาศัยการปฎิบัติการอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องยกเลิก หรือหนีไปก่อนที่จะทำการโจรกรรมสำเร็จ

5. ปลอดภัย

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของการติดฟิล์ม คือประสิทธิภาพการทนแรงกระแทก ด้วยความหนาที่จะทำให้กระจกไม่แตกหรือพังลงหากตกลงแบบธรรมดา และถึงแม้ว่าจะแตก กระจกก็ยังคงความแข็งแรงไว้ เพราะมีฟิล์มเป็นวัสดุยึดติดกัน สิ่งนี้ป้องกันไม่ให้กระจกแตกออกเป็นชิ้นแหลมคมขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกไม่ให้กระจายไปทั่วบริเวณ หากคุณมีกระจกบานใหญ่ในบ้าน  ที่เสี่ยงต่อการถูกกระแทก การติดฟิล์มกรองแสงนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกให้ติดเป็นแผ่นคงเดิม ต่างจากกระจกที่ไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงนิรภัย ซึ่งเมื่อแตก เศษกระจกจะตกลงกับพื้นและกระจายไปทั่วบริเวณ สร้างความเสียหายต่อพื้นและทรัพย์สิน รวมถึงร่างกายของผู้อยู่อาศัยจากการถูกเศษกระจกบาด

6. ป้องกันโรคร้าย

การติดฟิล์มกรองแสงกับกระจกบางรุ่น ช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ได้ ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวหนังคล้ำ เหี่ยวย่น ก่อให้เกิด ฝ้า กระจุดด่างดำ รวมไปถึงมะเร็งโรคผิวหนังและโรคต้อในตาได้ด้วย

7. ปลอดฝุ่น ปลอดเชื้อโรค 

หลายท่านเลือกติดผ้าม่านหลังผนังกระจก แต่นั่นก็ย่อมตามมาด้วยการสะสมของฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่างๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นติดฟิล์มกระจก หรือม่านฟิล์มแล้วปัญหาเหล่านี้ก็หายไป เพราะฝุ่นและเชื้อโรคบนผิวฟิล์ม หรือม่านฟิล์ม เมื่อเทียบกับผ้าม่านแล้ว ถือว่าน้อยกว่ามาก การติดฟิล์มแทนการใช้ผ้าม่านจึงเหมาะกับห้องที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น ห้องของผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้

8. รักษาทรัพย์สิน

บ้านที่ใช้กระจกตกแต่งเป็นผนังนั้นต้องโดนแสงแดดอยู่ตลอด ความร้อนและรังสี UV ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เฟอร์นิเจอร์หนังแห้งกรอบและขาดง่าย อาหารเสียเร็วขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การติดฟิล์มกระจกที่กรองแสงป้องกันความร้อนและรังสี UV จึงช่วยยืดอายุ การใช้งานของอุปกรณ์และทรัพย์สินภายในบ้านให้นานขึ้น